Welcome to Our Website

ธ.ไทยเครดิตฯ โชว์ผลงานปี 64 กำไรพุ่ง 42% เดินหน้าลุยปล่อยกู้เพิ่มอีก 4.5 หมื่นล้าน

นายวิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด กล่าวว่า ธนาคารมีความมุ่งมั่นในการให้บริการทางการเงินที่ดีที่สุดแก่ผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศ โดยยึดหลักปรัชญาแบรนด์ “Everyone Matters ทุกคนคือคนสำคัญ” โดยให้ความสำคัญกับลูกค้าธุรกิจรายย่อย เช่น กิจการร้านขายของชำ และร้านค้าในตลาดสดที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยมุ่งเติมเต็มความต้องการของธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งเป็นตลาดสำคัญแต่กลับถูกมองข้าม ส่งผลให้ธนาคารมีผลประกอบการและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพักชำระหนี้ และอื่นๆ โดย ณ สิ้นปี 64 มียอดลูกหนี้ที่เข้าโครงการพักชำระหนี้ 14% ลดลงจากปี 63 ที่ระดับ 31% มียอดปล่อยกู้ Sofe Loan ดอกเบี้ย 2% จำนวน 12,000 ล้านบาท มีลูกค้าได้รับการปรับลดดอกเบี้ย 3% มากกว่า 90,000 ราย มีลูกค้าในโครงการปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ย 0% 3 เดือน จำนวน 23,000 ล้านบาท และมีการปรับโครงสร้างหนี้รวม 8,000 ล้านบาท

นายรอย ออกุสตินัส กุนารา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการของธนาคารในปี 2564 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 1,935 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อนที่ 1,373 ล้านบาท มียอดสินเชื่อ 9.82 หมื่นล้านบาท เติบโต 43% จากปี 63 จากจำนวนลูกค้า 250,000 ราย มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมลดลงจาก 49.9% เป็น 42.3% จากการปรับกระบวนการทำงานที่สำคัญ และการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น และมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ 2.9% ต่ำกว่าเอ็นพีแอลของกลุ่มเอสเอ็มอีโดยรวมที่ 7.08% สะท้อนถึงคุณภาพพอร์ตสินเชื่อและการบริหารความเสี่ยงที่ดีของธนาคาร โดยปัจจุบันธนาคารมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีสินทรัพย์รวม 115,000 ล้านบาท มีลูกค้ารวมทั้งสิ้น 250,000 ราย มีอัตราการสำรองต่อหนี้เสีย 200% และมีจำนวนสาขารวม 522 แห่งทั่วประเทศ

ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ 45,000 ล้านบาท เป็นสินเชื่อ Micro SME ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยเดินหน้าขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์ 3 ได้แก่ 1.มุ่งลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ดูแลลูกค้าและเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด ในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย ลดปัญหาของลูกค้า

2.ประสิทธิภาพการดำเนินงาน ด้วยโมเดลธุรกิจที่มีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ธนาคารสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้าพร้อมส่งมอบผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น ทำให้ธนาคารมีการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต และ 3.วัฒนธรรมองค์กร ที่พนักงานของธนาคารไทยเครดิตทุกคนจะให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกคน ภายใต้ปรัชญาแบรนด์ ‘Everyone Matters พร้อมยกระดับความสามารถในการเพิ่มผลผลิต และประสิทธิภาพในการดำเนินงานตามโมเดลธุรกิจของธนาคาร

“ในปีนี้เราคาดการณ์แนวโน้มเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 3% กว่า เนื่องจากในปีที่ผ่านมาตัวเลขเอ็นพีแอลจะถูกกดไว้บ้างจากการผ่อนคลายเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ยังถือว่าเป็นระดับที่บริหารจัดการได้ โดยธนาคารมองภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้แม้จะยังมีผลกระทบจากสถานการณ์โควิด แต่ก็น่าจะดีกว่าปีก่อน ขณะที่ผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนนั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นผลกระทบที่ชัดเจนกับลูกค้าของธนาคาร เนื่องจากลูกค้าของธนาคารค่อนข้างมีลักษณะเฉพาะที่เป็นลูกค้ารายย่อย อย่างช่วงโควิดที่ผ่านมา เมื่อตลาดปิดลูกค้าไปขายของไม่ได้ก็จะเดือดร้อน พอตลาดเปิดกลับมาขายได้ ต่างกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ปิดแล้วปิดเลย หน้าที่ของเราคือคอยสนับสนุนด้านสภาพคล่องเพื่อรอเขากลับมา ซึ่งที่ผ่านมายังค่อนข้างดี ดูได้จากจำนวนลูกค้าที่เข้าโครงการพักชำระหนี้ที่ลดลง” นายวิญญู กล่าว

นอกจากนี้ ธนาคารได้เปิดตัวแคมเปญ Standby เพื่อสื่อถึงการยืนหยัดเคียงข้างลูกค้าในช่วงวิกฤต พร้อมออกสินเชื่อ SME กล้าให้ Standby OD ที่จะช่วยเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ Micro SME มีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น โดยเป็นเงินทุนสำรองให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้หมุนเวียนได้ทันทีเมื่อมีความต้องการ โดยภายใต้แคมเปญ Standby ธนาคารไทยเครดิตมีแผนจะสร้างคอมมูนิตีสำหรับผู้ประกอบการ Micro SME ในรูปแบบเว็บไซต์และเพจเฟซบุ๊ก Thai Credit SME กล้าให้ เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมสาระความรู้และข่าวสาร รวมถึงการจัดอบรมเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อจุดประกายความคิดในการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ รวมทั้งการจัดผู้ช่วยธุรกิจส่วนบุคคล (Standby Assistant) เพื่อให้คำปรึกษาและช่วยเหลือลูกค้า และโปรแกรม Privilege เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ในด้านอื่นๆ ให้แก่ลูกค้า Micro SMEด้วย

และเพื่อส่งกำลังใจให้ลูกค้าและผู้ประกอบการ รวมถึงประชาชนทั่วไป ให้สู้กับทุกอุปสรรคและข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ธนาคารได้ร่วมกับบอย โกสิยพงษ์ นักร้องและนักแต่งเพลงชั้นนำของเมืองไทย สร้างสรรค์บทเพลง “Standby” เพื่อสื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าในช่วงวิกฤตยังมีอีกคนหนึ่งที่เคียงข้าง พร้อมช่วยเหลือและสนับสนุนอยู่ตลอดเวลา โดยมีป๊อด ธนชัย อุชชิน และ รัดเกล้า อามระดิษ ร่วมถ่ายทอดบทเพลง

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket/