หุ้นราคาปรับตัวขึ้นออลไทม์ไฮเป็นว่าเล่น กลายเป็นหุ้นที่ทำราคาพุ่งขึ้น 10 เด้ง จนเข้าสู่มาตการกำกับการซื้อขายต่อเนื่อง ตามมาด้วยธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง “บิทคอยน์” หนีไม่พ้น บริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS
ราคาหุ้น JTS ต้องใช้คำว่าเกินบรรยายด้วยราคาทำนิวไฮล่าสุดไปที่ 238 บาท (4 ก.พ.) ท่ามกลางมูลค่ากำไรต่อราคาหุ้น (P/E) สูงถึง 903 เท่า เทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอยู่ที่ 36 เท่า นั้นหมายความว่าราคาหุ้น JTS สุดแพงระยับเพราะต้องลงทุน 900 ไตรมาสถึงจะได้ผลตอบแทนที่ลงทุนไป
อัตรา PE ดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงลดลงได้ถ้าหากบริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้นตามที่มีการประกาศตามแผนที่วางไว้ นั้นหมายถึงการตัดสินใจกล้าที่เสี่ยงด้วยเงินลงทุนไปยังธุรกิจที่เชื่อว่าบริษัทนั้นจะสามารถทำได้ และประสบความสำเร็จ
JTS เดินหน้าออลไทม์ไฮ สวนทางที่ปรึกษา”เมิน” ขุดบิทคอยน์
แน่นอนว่าอนาคตย่อมไม่มีใครตอบได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น .. แต่ปัจจุบันราคาหุ้นและ PE ได้สะท้อนหุ้นของ JTS ด้วยตัวเองไปเป็นทีเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ในแง่ของการเติบโตของธุรกิจจากJTS ดำเนินธุรกิจจัดหา ออกแบบ วางระบบสื่่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบ วงจร (System Integration Business) ประกาศลงนามกับกลุ่มเกาหลีใต้ KT Corporation (KT) ร่วมทำธุรกิจData Center และ Cloud Service หลังจากประกาศความร่วมมือในช่วงเดือนก.ย. 2564 ยังไม่มีความคือบหน้าด้านธุรกิจออกมาอีก
จนปลายปี 2564 JTS เซอร์ไพรส์นักลงทุนการประกาศตั้งบริษัทย่อยเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยการ ขุดเหมืองบิทคอยน์เม็ดเงินลงทุน 156.7 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในเครื่องคอมพิวเตอร์ 500 เครื่อง และระบุจะขยายเพิ่มเป็น 5,000 เครื่อง
หลังจากนั้นมีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมแผนธุรกิจเหมืองขุดบิทคอนย์ขยับตัวเลขเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3,300 ล้านบาท ด้วยจำนวนเครื่อง 6,300 เครื่อง ซึ่งในปี 2565 มีการลงทุนไปแล้ว 741 ล้านบาท จำนวน 1,800 เครื่อง ซึ่งเป็นการซื้อจาก บริษัท พรีเมียม แอสเซท จํากัด เป็นบริษัทย่อยในกลุ่มบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) หรือ JAS เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
พร้อมกับขออนุมัติออกหุ้นกู้มูลค่า 4,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ และจ่ายชําระหนี้ให้กับสถาบัน การเงิน ด้วยขนาดสินทรัพย์ที่ลงทุนเกิน 25 % มีรายการเกี่ยวโยง ตามรายการที่ปรึกษาทางการเงิน เห็นไม่สมควรอนุมัติรายการ
ปัจจัยที่ต้องคำนึงคือบริษัทต้องแบกรับหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยและมีค่าใช้จ่าย ดอกเบี้ย ให้บริษัทมีความเสี่งเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นราคาของเหรียญบิทคอยน์มีความผันผวนค่อนข้างสูงส่งผลให้กระแสเงินสดจากการขายเหรียญบิทคอยน์ไม่คงที่และคาดเดาได้ยากถึงมูลค่าตอบแทนจากการขายเหรียญที่ขุดได้ในอนาคต
อีกทั้งหากมูลค่าของบิทคอยน์ที่ขุดได้ต่ำกว่าต้นทุนในการขุดเหรียญก็จะทําให้บริษัทฯขาดทุนหรือขาด สภาพคล่องจากการทําธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ได้เช่นกัน รวมถึงการลงทุนครั้งนี้ไม่ใช่ธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท ณ ปัจจุบัน
แน่น่อนว่าความคิดเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินสามารถสะกิดใจนักลงทุนได้ แต่ในการโหวตอนุมัติที่ต้องอาศัยเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่า 3 ใน4 เมื่อรวบรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในกลุ่มที่ JAS ถือตรงและอ้อมใน JTS เกิน 50 % ไปแล้ว
ที่ผ่านมารายการเกี่ยวโยงที่เกี่ยวข้องในกลุ่มปรากฎให้เห็นมาตลอดและมักมีรายการดังกล่าว เช่น ปี 2563 JTS เข้าช่วยเหลือการเงินกับ JAS มูลค่า 325 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยเป็ฯ 359.13 ล้านบาท เป็นการเข้าให้การช่วยเหลือมาตั้งแต่ปี 2559
ถัดมาในปี 2564 JTS เข้าซื้อหุ้น “จัสเทล เน็ทเวิร์ด” มูลค่า 1,201 ล้านบาท โดยมีการชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด 2 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการโอนสิทธิลูกหนี้ทางการค้าของธุรกิจบรอดแบรด์ และสิทธิเจ้าหนี้ JAS ที่มีอยู่ ไปให้แทนการชำระเงินค่าหุ้น
จากจำนวนฟลีโฟลตหุ้น JTS ที่อยู่ในมือรายย่อยเพียง 38 % ทำให้การอนุมัติและการเข้าทำรายการเผชิญแรงกดดันน้อยมากว่าจะไม่ผ่าน นั้นอาจจะรวมไปถึงทิศทางราคาหุ้นด้วยที่พลักดันจากราคาหุ้น 1.93 บาท ปี 2563 ขึ้นมาเหนือ 200 บาทวันนี้ได้
แม้นักลงทุนจะรู้ว่าราคาแพงและยังแพงได้อีก แต่ยอมรับว่า JTS เป็นหุ้นเก็งกำไรที่รายย่อยชอบเพราะเห็นชัดเจ้ามือรวบหุ้นเป็นใคร ส่วนทิศทางธุรกิจจะเป็นไปตามที่วางแผนหรือล่มกลางทางเป็นเรื่องอนาคตที่นักลงทุนต่างรู้ดีว่ามีบทเรียนที่แพงถ้าต้องเสี่ยง
อ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/business